การช่วยพ้นจากบาป

ในการดำเนินชีวิตของมนุษย์หลายครั้งที่ต้องเข้าสู่จุดแห่งการตัดสินใจ อันที่จริงทุกๆ วันก็มีการตัดสินใจอยู่แล้ว การเลือกบางอย่างใช้ความคิดเพียงเล็กน้อย บางอย่างก็ต้องใช้ความคิดและการพิจารณาอย่างมาก ยิ่งในเรื่องที่สำคัญมากก็ยิ่งต้องใส่ใจมาก คำถามคือ คุณคิดว่าอะไรสำคัญ? เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ พระองค์ประทานสิทธิพิเศษในการเลือกแก่เขา เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบหรือผลของการเลือกของเรา เพราะหลายอย่างจะมีผลตลอดกาล ให้เรามาดูการตัดสินใจเลือกของบุคคลในพระคัมภีร์สองสามท่าน บางคนก็เลือกดีและบางคนก็เลือกไม่ค่อยดีนัก โมเสส ซึ่งเป็นคนของพระเจ้า เลือก “การร่วมทุกข์กับชนชาติของพระเจ้า แทนการเริงสำราญในความบาปสักเวลาหนึ่ง” (ฮีบรู 11:25) เขามองดูรางวัลที่ได้หลังจากชีวิตนี้ การเลือกเข้ากลุ่มผู้เชื่อคริสเตียนเป็นทางเลือกที่ฉลาดอย่างแท้จริง ก่อนน้ำจะท่วมโลก “บุ​ตรชายทั้งหลายของพระเจ้าเห็​นว่าบุตรสาวทั้งหลายของมนุษย์​สวยงาม และพวกเขารับเธอทั้งหลายไว้เป็นภรรยาตามชอบใจของพวกเขา” (ปฐมกาล 6:2) พวกเขาได้เลือกตามเนื้อหนังซึ่งจบลงด้วยความพินาศ “ดังนั้นโลทจึงเลือกบรรดาที่ราบลุ่มของแม่น้ำจอร์​แดน… และตั้งเต็นท์​ใกล้​เมืองโสโดม” (ปฐมกาล 13:11-12) ทุ่งหญ้าที่นั่นอุดมสมบูรณ์และเขาได้รับทรัพย์สินเป็นพร แต่เขาสูญเสียทุกอย่างเมื่อเมืองโสโดมถูกทำลาย โยเซฟในวัยหนุ่มเลือกที่จะบริสุทธ์และเที่ยงธรรม และเขาได้รับเกียรติสูงสุดในอาณาจักรอียิปต์ (ปฐมกาล 41:41) โยชูวาผู้รับใช้ของพระเจ้า ท้าทายลูกหลานของอิสราเอลว่า “จงเลือกเสียในวันนี้ว่าท่านจะปรนนิบั​ติ​ผู้ใด” (โยชูวา 24:15) เขากล่าวว่า " ​ส่วนข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้า เราจะปรนนิบั​ติ​พระเยโฮวาห์" ประชาชนตอบว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายจะปรนนิบั​ติ​พระเยโฮวาห์​ด้วย” ตราบใดที่พวกเขายำเกรงพระเจ้าและรับใช้พระองค์อย่างซื่อสัตย์ พวกเขาก็เจริญรุ่งเรือง ในช่วงเวลาของผู้เผยพระวจนะเอลียาห์ ผู้คนลืมพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำเพื่อพวกเขา และหลายคนหันไปบูชารูปเคารพ (พระบาอัล) ซึ่งทำให้พระเจ้าไม่พอพระทัยอย่างมาก พระองค์ทรงใช้เอลียาห์ในช่วงเวลาสำคัญนี้อย่างน่าทึ่งที่สุดเพื่อแสดงฤทธิ์อำนาจอันไร้ขอบเขตของพระองค์ บนภูเขาคาร์เมล เอลียาห์เรียกไฟตกลงมาจากสวรรค์เผาผลาญเครื่องบูชาที่เขาเตรียมไว้ เป็นการพิสูจน์ว่าพระเจ้าเป็นพระเจ้าอย่างแท้จริง เขาถามประชาชนว่า “พวกท่านจะยุติความคิดเห็นทั้งสองนานเท่าใด ถ้าพระเจ้าเป็นพระเจ้าตามเขา แต่ถ้าบาอัล ก็จงตามเขาไป” หลังจากที่พวกเขาเห็นไฟลงมา “พวกเขาซบหน้าลงและพวกเขากล่าวว่า พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า” (1 พงศ์กษัตริย์ 18) ดาเนียลชายหนุ่มที่เป็นเชลยในดินแดนบาบิโลนตัดสินใจเลือกที่จะไม่ทำให้ตนเองเป็นมลทินด้วยการกินอาหารและเหล้าองุ่นของกษัตริย์ (ดาเนียล 1:8) ผลก็คือเขาและสหายทั้งสามของเขาที่ตัดสินใจเลือกอย่างเดียวกันได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้าและกษัตริย์ หากพวกเขาไม่เลือกทำการนี้ ตัวอย่างของดาเนียลในถ้ำสิงโตและชายสามคนในเตาไฟก็จะไม่ถูกบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ พระเยซูทรงให้คำอุปมาเรื่องบิดาที่มีบุตรชายสองคน คนหนึ่งเลือกที่จะเอามรดกของเขาและเดินทางไปยังดินแดนที่อยู่ห่างไกล (ทำบาป) มันไม่ใช่ทางเลือกที่ดี หลังจากที่เขาใช้เงินทั้งหมด เขาก็ตระหนักว่าเขาทำผิดพลาดครั้งใหญ่เพียงใด เขาเลือกกลับบ้านอย่างนอบน้อมถ่อมตน ช่างเป็นการกลับคืนสู่ครอบครัวที่มีความสุขจริงๆ (ลูกา 15:11-32)! การเลือกโลกด้วยความพึงพอใจจะจบลงด้วยความพินาศ (2 เปโตร 3:10-11) การตัดสินใจเข้าร่วมกับลูกของพระเจ้าแทนที่จะไปตามทางของโลกคือการเลือกที่ดีและฉลาด การมีพระคริสต์เป็นเพื่อนจะนำเราไปสู่ที่ปรึกษามหัศจรรย์ที่จะนำทางเราในการตัดสินใจทุกอย่างของชีวิต

ความรัก…ช่างเป็นคำที่สวยงามในทุกๆ ภาษา เมื่อนึกถึงความหมายเรามักคิดถึง ความรักใคร่ ความชอบ ความห่วงใย ความอบอุ่น ความเมตตา ความเข้าใจ ความปลอดภัย และแม่ แต่ลองคิดดูดีๆ ว่าคำที่สวยงามนี้หมายถึงอะไรกันแน่? คุณปรารถนาที่จะได้รับความรักไหม? คุณมีความรักหรือเปล่า? พระเจ้าคือความรักและความรักของพระองค์ที่สถิตอยู่ในหัวใจของคุณสามารถช่วยให้คุณรักและได้รับความรัก ที่มาของความรักทั้งหมดคือพระเจ้า 1 ยอห์น 4:16 กล่าวว่า “ฉะนั้นเราจึงรู้ และวางใจในความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา พระเจ้าทรงเป็นความรัก และผู้ที่อยู่ในความรักก็อยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าก็ทรงอยู่ในคนนั้น” ไม่มีใครค้นพบความรักที่แท้จริงได้ยกเว้นความรักที่มาจากพระเจ้า สิ่งที่ตรงกันข้ามกับความรัก ได้แก่ ความเกลียดชัง ความไม่ไว้วางใจ ความเห็นแก่ตัว และสงคราม เพียงแค่เรามองดูสภาพสังคมโลกและครอบครัว เราก็จะเห็นว่าความรักมีความจำเป็นอย่างยิ่ง แล้วคุณล่ะ คุณรู้สึกว่าคุณเป็นที่รักไหม? คุณรู้สึกปวดร้าวในใจ ความเหงาที่ไม่จางหายเพราะไม่ได้รับความรักหรือความอบอุ่นไหม? บางครั้งคุณรู้สึกว่าไม่มีใครสนใจไหม? คุณเติบโตมาในครอบครัวที่พ่อแม่ไม่รักกันหรือไม่ พ่อแม่รักลูกหรือเปล่า? ความรู้สึกเหล่านี้เป็นเรื่องปกติในโลกปัจจุบันซึ่งเต็มไปด้วยทัศนคติที่ว่า “ฉันก่อน” หัวใจที่ปวดร้าวเป็นผลจากการที่บุคคลหมกมุ่นอยู่กับผลประโยชน์ที่เห็นแก่ตัวของตนเอง ความรักไม่ใช่แรงดึงดูดที่เย้ายวนที่พยายามสนองตัณหาในตัวเองโดยมักจะให้อีกฝ่ายเสียประโยชน์ แรงดึงดูดนี้ บางคนอาจเรียกว่าความรักซึ่งเป็นความเห็นแก่ตัวเพราะมันเป็นการสร้างความพอใจให้ตนเอง ความรักไม่ควรสร้างเกียรติหรือความสุขให้ตนเอง ความยากลำบากในชีวิตไม่ได้บ่งชี้ว่าพระเจ้าไม่รักเรา บางครั้งพระเจ้าก็ยอมให้เราพบกับความยุ่งยากลำบากเพื่อประโยชน์ของเรา พ่อแม่ที่มีความรักที่แท้จริงจะไม่ให้ทุกสิ่งที่ลูกต้องการเสมอไป แต่กันไว้เพื่อประโยชน์ของเขาเอง ความรักคือการเสียสละตนเอง มองหาความดีของผู้อื่น ความรักนั้นอบอุ่น เห็นอกเห็นใจและมีเมตตา หากเรารักที่แท้จริง เราจะดูแลความผาสุกของผู้ที่อยู่ใกล้ตัวเราทั้งในปัจจุบันและอนาคต ผู้ที่เป็นสามีและพ่อจะแสดงความรักต่อภรรยาและลูกๆ เขายินดีที่จะให้และเสียสละตนเองเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความรักและความเป็นอยู่ที่ดี ภรรยาและแม่จะเคารพสามีและปลูกฝังให้ลูก ๆ เคารพรักพ่อแม่และรักซึ่งกันและกัน เธอจะเตรียมความปลอดภัยและความสงบสุขสำหรับทุกคนในครอบครัว พระคริสต์ทรงเป็นแบบอย่างของความรักโดยการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนอย่างไม่สมควร หากคุณรู้สึกว่าต้องการความรัก จิตใจรู้สึกอ้างว้าง คุณจะพบรักแท้ได้ คุณสามารถหาสิ่งนี้ได้โดยมอบถวายชีวิตตัวเองให้กับพระเจ้า พระเจ้ารักคุณด้วยความเมตตาและความห่วงใยที่ไม่มีขอบเขต พระองค์ทรงห่วงใย ต้องการแบ่งปันและช่วยเหลือคุณในช่วงเวลาที่ปวดร้าว หากคุณรู้สึกโดดเดี่ยวและคิดว่าไม่มีใครสนใจ คุณสามารถวางใจได้ว่าพระเจ้ารู้สึกถึงความปวดใจและเศร้าโศกของคุณในเวลาที่คุณเหงาและท้อแท้ พระองค์อยู่ที่นั่นเพื่อปลอบประโลม มอบความเข้มแข็ง และการนำทางให้แก่คุณหากคุณหันมาหาพระองค์ หากคุณไม่รู้ว่าจะเข้าถึงพระเจ้าได้อย่างไร เพียงแค่เทใจของคุณให้กับพระองค์แล้วพระองค์จะทรงสดับฟัง ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณไม่สามารถไว้ใจใครได้เลย ก็ร้องทูลต่อพระองค์ แล้วขอให้พระองค์ทรงชี้ทาง หากคุณรู้สึกว่าคุณเป็นคนบาปโดยไม่คาดหวังว่าจะได้รับความรักและการให้อภัย ให้คุณมาหาพระเจ้าด้วยสุดใจของคุณ กลับใจและละทิ้งความบาปในอดีตของคุณ พระองค์จะทรงเป็นพระบิดาที่รักของคุณ หากคุณมาหาพระองค์ด้วยสุดใจ และเต็มใจเชื่อฟังทุกสิ่งที่พระองค์ขอจากคุณ เมื่อพระเจ้าให้อภัยและยอมรับคุณ คุณจะสัมผัสรู้สึกถึงความรักและได้รับสัมพันธ์ภาพของพระองค์ซึ่งไม่มีอะไรมาพรากไปได้ ความสัมพันธ์นี้จะพังทลายก็ต่อเมื่อเราหันหลังให้พระองค์ ความเหงาและความทุกข์ของคุณจะหมดไป ให้พระเจ้าควบคุมชีวิตของคุณ สัมผัสความรักของพระเจ้าซึ่งเป็นหนึ่งในพระพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์ ขอพระเจ้าอวยพรคุณ 1 โครินธ์ 13:1-8, 13

แสงสว่างของโลก พระคัมภีร์เป็นพระวจนะของพระเจ้า เป็นความจริงนิรันดร์ พระคัมภีร์ประกอบไปด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับการทรงสร้าง การไม่เชื่อฟังของมนุษย์ต่อพระเจ้า และความทุกข์ทรมานซึ่งมาสู่มนุษย์เพราะความบาป นอกจากนี้ยังบอกเราถึงความรักขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมีต่อมนุษย์ในการวางแผนการไถ่ของพระองค์ มีเรื่องราวการประสูติของพระผู้ช่วยให้รอด ผู้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อบาปของมนุษย์ และทรงฟื้นจากความตายเพื่อความรอดของมนุษย์ ใครก็ตามที่เชื่อข้อความนี้จะได้รับการอภัยบาป ได้รับความสงบในจิตใจ ได้รับความรักที่มีต่อมนุษย์ทุกคน ได้รับอำนาจเหนือความบาป และความหวังที่จะมีชีวิตนิรันดร์ การทรงสร้างอันยอดเยี่ยมของพระเจ้า พระเจ้าผู้สร้างจักรวาลทรงเป็นอยู่เสมอ พระองค์อยู่ทุกหนทุกแห่ง ทรงฤทธานุภาพและปรีชาญาณ ทุกสิ่งจึงถูกสร้างขึ้นด้วยฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระเจ้าสร้างโลกที่ปกคลุมไปด้วยน้ำ พระองค์ตรัสว่า “จงให้ที่แห้งปรากฏขึ้น” และแผ่นดินก็เกิดขึ้น พระองค์ทรงสร้างเนินเขาและหุบเขา คลุมด้วยหญ้า ดอกไม้สวยงาม และต้นไม้ทุกชนิด พระองค์ทรงสร้างนกที่ร้องเพลงต่างๆ มากมาย พระเจ้าสร้างสัตว์ทั้งเล็กและใหญ่ที่เดินไปตามทุ่งนาและป่าไม้ตลอดจนแมลงขนาดเล็กและสัตว์เลื้อยคลานที่อาศัยอยู่ในพื้นดิน พระองค์ทรงสร้างทะเลสาปและมหาสมุทรและสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในนั้น พระองค์สร้างทวีปที่ผู้คนจากทุกเชื้อชาติจะอาศัยอยู่ พระเจ้าสร้างดวงอาทิตย์ให้แสงสว่างและความอบอุ่น และดวงจันทร์ให้แสงสว่างในเวลากลางคืน ทรงประดับท้องฟ้าด้วยดาวระยิบระยับที่สวยงามนับพัน สุดท้าย พระเจ้าได้ทรงปั้นมนุษย์จากผงคลีดิน พระองค์ระบายลมปราณแห่งชีวิตเข้าทางจมูก และมนุษย์ก็กลายเป็นวิญญาณที่มีชีวิต พระเจ้าเรียกเขาว่าอาดัม พระเจ้าเห็นว่าอาดัมต้องการผู้ช่วย ดังนั้นพระองค์จึงทรงทำให้เขาหลับสนิท จากนั้นพระเจ้าก็เอาซี่โครงจากอาดัมมาสร้างผู้หญิงขึ้นมาคนหนึ่ง อาดัมรักเอวาและเธอก็รักเขาเช่นกัน ต่างก็มีสามัคคีธรรมอันแสนหวานต่อกัน นี่คือแผนของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับหน่วยครอบครัว พระเจ้าสร้างทุกสิ่งในหกวัน และในวันที่เจ็ดพระองค์ทรงพักผ่อน พระองค์ทอดพระเนตรทุกสิ่งที่ทรงสร้างและเห็นว่าดียิ่งนัก ดังนั้นพระเจ้าจึงทรงอวยพรวันที่เจ็ดและทรงชำระให้เป็นวันพักผ่อนของมนุษย์ พระคัมภีร์กล่าวถึงทูตสวรรค์ที่ตกสู่ความบาปที่เรียกว่าซาตานหรือมาร มันถูกขับออกจากสวรรค์และเป็นสาเหตุของความชั่วร้ายทั้งหมด มันทำให้ความโศก ความทุกข์ ความเจ็บไข้ ความตายเข้ามาในโลก จุดเริ่มต้นที่น่าเศร้าของบาป พระเจ้ารักอาดัมและเอวา พระองค์ทรงสร้างสวนสวยงามให้พวกเขาอยู่อาศัยเรียกว่าสวนเอเดน อาดัมต้องดูแลมัน ในสวนนี้มีผักและผลไม้มากมายให้พวกเขากิน มีต้นไม้ต้นหนึ่งชื่อว่า ต้นไม้แห่งการรู้ดีรู้ชั่ว พระเจ้าบอกอาดัมว่าเขาไม่ควรกินต้นไม้นั้น เพราะในวันที่เขากินจากต้นนั้น เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน วันหนึ่งซาตานมาหาเอวาและโกหกเธอ มันบอกว่า “เจ้าจะไม่ตายแน่…เจ้าจะเป็นเหมือนพระเจ้าที่รู้ดีรู้ชั่ว” (ปฐมกาล 3:4-5) เมื่อเธอมองดูผลของต้นไม้ที่สวยงามนี้ เธอเห็นว่ามันน่ารับประทาน และการกินก็ทำให้เกิดปัญญา เธอหยิบผลไม้ให้อาดัม แล้วทั้งสองคนก็กิน ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกผิดในใจ พวกเขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน พวกเขารู้ว่าพวกเขาทำสิ่งที่ผิดอย่างร้ายแรง ทั้งสองรู้สึกละอายใจเมื่อนึกถึงการไม่เชื่อฟังของพวกเขา ความกลัวเข้ามาในใจพวกเขาเมื่อนึกถึงการที่จะต้องพบพระเจ้า ดังนั้นพวกเขาจึงซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางต้นไม้ในสวน ในช่วงเย็น พระเจ้าเรียกอาดัมและถามว่า “เจ้าอยู่ที่ไหน” พวกเขาไม่สามารถซ่อนตัวจากพระเจ้าได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเข้ามาเฝ้าพระองค์และยอมรับการกระทำผิดของพวกเขา พระเจ้าทำให้พวกเขาเข้าใจว่าการไม่เชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์เป็นบาปใหญ่เพียงใด พระองค์บอกพวกเขาว่าพวกเขาจะต้องถูกลงโทษสำหรับการไม่เชื่อฟังของพวกเขา ตอนนี้พวกเขาจะต้องเจอกับความเจ็บปวดและปัญหาในชีวิต พวกเขาจะต้องทำงานหาเลี้ยงชีพ ร่างกายของพวกเขาจะแก่และทรุดโทรม พวกเขาจะตายและกลับไปเป็นผงคลีดินอีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาถูกขับออกจากสวนที่สวยงามแห่งนี้แล้ว พระเจ้าได้ทรงตั้งเครูบถือดาบเพลิงเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขากินต้นไม้แห่งชีวิต พวกเขาเริ่มเข้าใจผลของบาปและความเศร้าโศกที่ยิ่งใหญ่ที่นำมา ผลลัพธ์อันน่าเศร้าของการทำบาป พระเจ้ารักโลกมากจนได้ประทานพระบุตร พระเยซูเสนอชีวิตนิรันดร์

ยุทธวิธีของซาตานที่ปรากฏในพระวจนะของพระเจ้า พระคัมภีร์ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่จะให้ความสำคัญกับซานตานและงานของมัน แต่เรามักจะเห็นลักษณะและงานของมันที่ปรากฏและเปิดเผยให้เห็นในพระคัมภีร์ ครั้งหนึ่งซาตานเคยเป็นทูตสวรรค์ แต่มันหันหลังให้กับพระเจ้าผู้สร้างมัน และต้องการเป็นเหมือนพระองค์ กิจวัตรของอาณาจักรแห่งความมืดของซาตานไม่ใช่เรื่องใหม่ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติของความพยายามของมันตลอดยุคสมัยที่จะแข่งขันกับอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า มันกำลังเสนอทางเลือกอื่นที่มันคิดว่าประสบผลสำเร็จแทนสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำโดยฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในพระธรรมอพยพ เราได้เห็นถึงอำนาจของนักมายากลแห่งอียิปต์ที่พยายามถอดแบบการอัศจรรย์ที่พระเจ้าทำผ่านมือของโมเสส ในหนังสือโยบ ซาตานแสดงความริษยาในความสัตย์ซื่อของโยบที่มีต่อพระเจ้า มันใช้ความโหดร้ายและกีดกัน พยายามบังคับให้โยบหันหลังให้พระเจ้า วิธีการของซาตานมีลักษณะดังนี้ คือ ใช้ความกลัว การคุกคาม การสัญญาว่าจะให้ความสุขหรืออำนาจ การข่มขู่ และความสงสัย สิ่งแรกๆ ที่มันแนะนำดูน่าสนใจและน่าทึ่ง มันแนะนำว่า “คุณอยากรู้อนาคตหรือเข้าใจในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ไหม?” มันอาจเสนอวิธีรักษาที่อยู่เหนือขอบเขตของวิทยาศาสตร์ เรื่องของโหราศาสตร์หรือการดูดวงอาจดูไม่มีพิษมีภัยแต่ในไม่ช้ามันก็จะตามมาด้วยมนต์ขลังหรือคาถา การดูฤกษ์ยามหรือเลขอัปมงคล มันแนะนำว่ามีวิญญาณบางดวงที่ต้องให้ความเคารพและเกรงกลัวเพราะมีพลังเหนือเรา ดังนั้นซาตานจึงดักผู้ไม่ระวังภัยให้อยู่ในห้วงแห่งความกลัวมันและสมุนของมัน มีคนจำนวนมากที่จมอยู่กับความอยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่ตอนแรกดูเหมือนไม่ค่อยมีพิษมีภัย เช่นการเล่นผีถ้วยแก้ว ดูดวง ดูลายมือและอื่นๆ อีกมากมาย พวกเขาทำให้ตัวเองเสี่ยงต่อวิญญาณชั่วร้ายที่จะสร้างปัญหาให้กับพวกเขาในภายหลัง เป้าหมายของซาตานคือการกัดเซาะและทำลายความเชื่อในพระเจ้าของคริสเตียน คริสเตียนประสบชัยชนะโดยการมีความเชื่อในพระคริสต์และในพระองค์เท่านั้น ความปรารถนาที่จะรู้ในสิ่งที่ไม่รู้หรือกระหายหาอำนาจกระตุ้นให้คนอยากลองสิ่งที่เป็นของอาณาจักรซาตาน ความไว้วางใจในพระเจ้าทำให้คนเราสงบนิ่งกับสิ่งที่ไม่รู้จัก และมั่นใจในฤทธิ์อำนาจของพระคริสต์ เมื่อเริ่มต้นจากความอยากรู้อยากลอง ในไม่ช้าคนผู้นั้นก็จะติดกับดักแห่งความกลัว กลัวสิ่งที่อาจเกิดขึ้น กลัวอำนาจที่ใหญ่กว่า กลัวคนอื่นๆ แม้กระทั่งกลัวซาตานเอง ความกลัวเหล่านี้ปกคลุมบุคคลที่ยอมให้ตนเองเข้าไปพัวพันกับการกระทำที่คลุมเครือ เพื่อตอบสนองต่อความกลัวนี้ ซาตานอ้างว่ามียาแก้พิษ มันจะให้อำนาจมากขึ้นถ้าผู้นั้นยอมจำนนต่อพิธีกรรมบางอย่างหรือการเชื่อฟังอื่น ๆ ความกลัววิญญาณอื่นสามารถรับมือได้ด้วยการครอบครองหรือมีพลังที่ยิ่งใหญ่กว่า ดังนั้น บุคคลนั้นจึงได้รับการนำเสนอพลังอำนาจที่มีระดับสูงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แทนที่จะทำให้บุคคลนั้นเข้าถึงความสงบในระดับที่มากขึ้นกลับทำให้เกิดการวกเวียนลงไปสู่ส่วนลึกของสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนของซาตานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ความมั่นคงปลอดภัยที่ยากเกินเข้าใจที่ซาตานสัญญาไว้นั้นถูกแทนที่ด้วยความต้องการในการปกป้องจากอำนาจที่สูงกว่าในอาณาจักรที่ชั่วร้าย นี่คือระบบของซาตาน แผนของซาตานคือการแทนที่พระเจ้า ซาตานถูกสร้างมาเพื่อบูชา ไม่ใช่เพื่อรับการบูชา มันไม่ใช่อำนาจสูงสุด มันไม่สามารถเอาชนะพระเมษโปดกของพระเจ้าได้ มันไม่สามารถให้ความปลอดภัย มันไม่สนใจความเป็นอยู่ที่ดีของเรา อย่างไรก็ตาม มันยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องโดยใช้อำนาจเหนือผู้คนเพื่อนำพวกเขามาอยู่ใต้อำนาจของมัน มันพยายามสร้างความไม่ไว้วางใจต่อพระเจ้าและอาณาจักรของพระองค์ มันพยายามที่จะจัดตั้งองค์กรที่ตัวมันเป็นเจ้านาย สิ่งนี้ถูกพัฒนาผ่านความกลัวอย่างเป็นระบบและอำนาจที่เป็นภาพลวงตา มันทำการอัศจรรย์เพื่อสร้างความน่าเกรงขามในใจของผู้คน (2 โครินธ์ 11:14-15) ผลกระทบของระบบนี้คือการทำลายสันติภาพและความมั่นคงของบุคคล ครอบครัว และการปกครอง มันจับผู้คน ทำให้พวกเขารู้สึกถูกคุกคามหากพวกเขาพยายามหลบหนี ซาตานเป็นศัตรูที่รุนแรงที่สุด ร้ายกาจที่สุด ชั่วร้ายที่สุด และน่ากลัวที่สุดที่คุณมี มันไร้เกียรติโดยสิ้นเชิง โกหกและไม่มีความจริงในตัวของมัน - “มันเป็นผู้มุสา และเป็นพ่อของการมุสา” (ยอห์น 8:44) มันเป็นฆาตกร ผู้ทำลาย เป็นศูนย์รวมของความเกลียดชังและความชั่วร้าย เป็นคนชั่วอย่างที่สุดและตลอดไปโดยไม่มีความดีใด ๆ เลย อ่านเพิ่มเติม: โรม 8:1-2……………อิสระจากการกล่าวโทษ

ยอห์น 10:1-18 คุณเคยได้ยินใครเรียกชื่อคุณแต่ไม่รู้ว่าเสียงมาจากไหนหรือไม่? หรือบางทีคุณแทบจะไม่ได้ยินเสียงเลย เพราะมีเสียงรบกวนรอบข้างมากเกินไป ฟังสิ มีเสียงเรียกคุณอยู่นะ! คุณคือใคร? คุณชื่ออะไร? คุณมาจากที่ไหน? คุณอาศัยอยู่ที่ไหน? คุณกำลังจะไปไหน? คุณรู้จักชื่อหมู่บ้านของคุณ บางทีคุณอาจไม่เคยไปที่อื่นเลย แต่คุณรู้ว่าหมู่บ้านของคุณเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ และประเทศต่างๆ ก็เป็นส่วนหนึ่งของโลกใบใหญ่ พระคัมภีร์ เกือบ 6,000 ปีที่แล้วเมื่อโลกถูกสร้างขึ้น มันถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้า พระเจ้ามีหนังสือเล่มหนึ่งที่เรียกว่าพระคัมภีร์ ซึ่งบอกเรื่องราวการสร้างโลกของพระเจ้า และการสร้างมนุษย์ชายหญิงคู่แรก พระเจ้าได้สร้างมนุษย์ตามแบบอย่างของพระองค์ จากนั้นก็เกิดลูกหลาน ผู้คนเริ่มมีการเกิด และตายตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา คุณเกิดมาจากพ่อแม่แต่ที่จริงแล้วพระเจ้าเป็นผู้สร้างคุณมา พระองค์สร้างทุกสิ่ง คุณเคยคิดไหมว่าพระเจ้าสร้างทุกสิ่งอย่างน่าอัศจรรย์และพระองค์ทรงสร้างคุณอย่างไร? พ่อแม่ของคุณตั้งชื่อให้คุณ พระเจ้ารู้จักชื่อของคุณ พระองค์รู้จักชื่อของทุกคนไม่ว่าจะเป็นภาษาไหน พระองค์ทรงรู้ทุกสิ่ง เพราะพระเจ้าสร้างเรา พระองค์รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเรา พระองค์ทรงรักเราเพราะเราเป็นของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระบิดาในสวรรค์ของเรา และพระองค์ทรงห่วงใยเรามากกว่าพ่อแม่ของเราเอง พระเจ้า พระเจ้าทรงเป็นอยู่เสมอ ทรงมีชีวิตนิรันดร์ ดังนั้นเมื่อพระองค์ใส่ลมปราณของพระองค์ในตัวเรา ก็ทำให้เรามีชีวิตตลอดไปเช่นกัน เปล่า…ไม่ใช่ร่างกายที่ต้องตายของเราแต่เป็นวิญญาณในตัวเราที่มีชีวิตอยู่ตลอดไป คุณรู้จักพระเจ้าไหม? บางทีคุณอาจถามว่า “พระเจ้าคือใคร? พระองค์อยู่ที่ไหน?" คุณต้องการที่จะรู้จริงๆ หรือ? ใช่แล้ว… คุณต้องการ ในใจลึกๆ ของคุณต้องการรู้จักพระองค์ คุณไม่เคยเห็นพระเจ้าใช่ไหม? ไม่เคย… แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพระองค์ไม่มีตัวตน มีพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น ไม่มีพื้นที่สำหรับพระอื่นใด เพราะผู้ที่เป็นพระเจ้าจริงๆ นั้นครอบครองสวรรค์และโลก พระองค์อยู่ทุกหนแห่งในเวลาเดียวกัน บ้านของพระเจ้าคือสวรรค์ซึ่งเป็นสถานที่สวยงาม แต่พระองค์ก็ทรงสถิตอยู่ในใจของผู้คนที่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์ด้วย ฉันจะเรียนรู้ที่จะรู้จักพระเจ้าได้อย่างไร? นั่นคือคำถามที่คุณกำลังถามใช่ไหม? พระเจ้ามีแผนการณ์อันยอดเยี่ยมที่จะแสดงให้เราเห็นว่าเราจะรู้จักพระองค์ได้อย่างไร พระเจ้าส่งพระเยซูพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ลงมาจากสวรรค์เพื่อแสดงให้ผู้คนเห็นว่าพระองค์เป็นผู้ใดและพระองค์เป็นอย่างไร พระเจ้าและพระเยซูเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยปาฏิหาริย์ของพระเจ้า พระบุตรของพระเจ้าได้ประสูติเป็นทารกและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ หลังจากนั้นในช่วงเวลาสามปี พระเยซูทรงบอกเล่าให้ผู้คนให้เห็นถึงความรักของพระเจ้า พระบิดาของพระองค์ พระองค์บอกพวกเขาว่าพระเจ้าทรงบริสุทธิ์และทนเห็นความบาปไม่ได้ จากนั้นพระเจ้าได้ทรงสร้างหนทางให้เรารอดจากบาปของเรา พระองค์ปล่อยให้พระเยซูพระบุตรของพระองค์ถูกตรึงไว้ที่กางเขนโดยคนชั่ว พระองค์ทรงสละพระชนม์ชีพ ความรักของพระองค์ยิ่งใหญ่มาก! พระองค์ทรงเป็นเครื่องบูชาที่สามารถชดใช้ความบาปของคนทั้งโลกได้ บาปทุกอย่างที่คุณเคยทำ บาปทุกอย่างของเด็กๆ รวมทั้งชายหญิงทุกคน พระเยซูยังอยู่บนไม้กางเขนใช่ไหม? พระเยซูยังอยู่ในอุโมงค์ใช่ไหม? ไม่เลย ผ่านไปสามวันพระองค์ทรงฟื้นคืนพระชนม์อย่างมีชัยชนะ จากนั้นพระองค์ได้กลับไปสวรรค์และรอจนกว่าพระเจ้าตรัสว่าโลกจะถึงจุดจบ แล้วพระองค์จะทรงเป็นผู้พิพากษาที่ชอบธรรมของคนทั้งปวง คนแปลกหน้า..เสียงของคนอื่น ก่อนที่มันจะเป็นศัตรูกับพระเจ้า มันเคยเป็นทูตสวรรค์ที่ดีอยู่กับพระเจ้าในสวรรค์ แต่มันกลับภาคภูมิใจและยกตัวเองขึ้นต่อสู้กับพระเจ้า มันต่อสู้กับพระเจ้าและมีทูตสวรรค์มากมายเข้าร่วมกับมัน พระเจ้าชนะเพราะพระองค์ทรงมีฤทธิอำนาจสูงสุด พระองค์จึงทรงไล่ขับซาตานและสมุนทั้งหมดออกจากสวรรค์ ซาตานเกลียดชังพระเจ้าในเรื่องนี้

บนอนุสาวรีย์ Arch of Triumph ที่กรุงปารีสนั้น มีข้อความที่เขียนเกี่ยวกับการต่อสู้ของนโปเลียนและชัยชนะที่ได้มา อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ครั้งสำคัญเหตุการณ์หนึ่งไม่ได้บันทึกไว้ ใช่แล้ว มันเป็นการต่อสู้ครั้งประวัติศาสตร์ของยุทธการวอเตอร์ลู (Waterloo) มันไม่มีบันทึกอยู่ที่นั่น สถานการณ์เปลี่ยน ความทะเยอทะยานของเขา พังทลายเพราะการพ่ายแพ้ครั้งสำคัญนี้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงถูกเนรเทศและเสียชีวิตลง จะมีประโยชน์อันใดกับนโปเลียนที่ได้ครองโลกทั้งใบแต่ต้องพ่ายแพ้ที่วอเตอร์ลู? เกียรติ ชื่อเสียง และลาภยศของเขาหายไปในทันที ชัยชนะทั้งหมดในอดีตไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อเขาจากการพ่ายแพ้สงครามครั้งยิ่งใหญ่นี้ การพ่ายแพ้ในครั้งนี้ทำให้เขาสูญเสียทุกอย่าง แน่นอนว่าทุกดวงวิญญาณจะต้องเผชิญกับการต่อสู้ฝ่ายวิญญาณครั้งใหญ่ในชีวิต ผลของการต่อสู้มีความสำคัญยิ่ง ความพ่ายแพ้ที่วอเตอร์ลูทำให้นโปเลียนอับอายต่อชีวิตที่เหลือ ความพ่ายแพ้ในสงครามฝ่ายวิญญาณของคุณก็นำมาซึ่งความปวดร้าวตลอดกาล คุณนึกถึงผลที่ตามมาจากการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางโดยปราศจากพระคริสต์หรือไม่? คุณกำลังพ่ายแพ้สงครามในชีวิตหรือไม่? คุณกำลังทำสงครามระหว่างความเป็นและความตายใช่ไหม? หรือเป็นสงครามระหว่างสวรรค์และนรก? เป็นสงครามต่อสู้ระหว่างการปฏิเสธตนเองและการรักตนเอง หรือระหว่างวิญญาณของคุณกับมาร? พระ​เยซู​ตรัส​ว่า “เพราะถ้าผู้ใดจะได้​สิ่งของสิ้นทั้งโลก แต่​ต้องสูญเสียจิตวิญญาณของตน ผู้​นั้นจะได้​ประโยชน์​อะไร?” (มาระโก 8:36) ไม่ว่าเราจะครอบครองสิ่งทั้งปวงในโลกนี้มากมายแค่ไหนก็ตามแต่หากเราต้องสูญเสียจิตวิญญาณของเราไป มันเป็นสิ่งที่น่าเศร้าที่สุด จุดหมายนิรันดร์ของเราจะถูกปิดกั้น หลายคนไม่ทราบว่ามีสงครามฝ่ายวิญญาณที่ต้องต่อสู้ ซาตานและความมืดมิดของโลกปิดหูปิดตาความเข้าใจของพวกเขา พวกเขาหลับใหลต่อความเป็นจริงที่ว่ามีการต่อสู้กับความบาป พระคัมภีร์กล่าวว่า “คนที่หลั​บอยู่จงตื่นขึ้นและจงฟื้นขึ้นมาจากความตาย และพระคริสต์จะทรงส่องสว่างแก่​ท่าน” (เอเฟซัส 5:14) จงสลัดโซ่ตรวนแห่งความบาปและซาตาน และต่อสู้จนถึงที่สุด! คุณไม่สามารถหนีความตายตามธรรมชาติได้ แต่คุณสามารถหลีกหนีความตายนิรันดร์ได้ “แล้วความตายและนรกก็​ถู​กผลักทิ้งลงไปในบึงไฟ” (วิวรณ์ 20:14) “ในที่นั้นตัวหนอนก็​ไม่​ตาย และไฟก็​ไม่​ดับเลย” (มาระโก 9:44) หากคุณพ่ายแพ้การต่อสู้เพื่อความรอดฝ่ายจิตวิญญาณของคุณ คุณก็จะพบกับการลงโทษและการทรมานนิรันดร์ในนรก หากคุณปรารถนาที่จะเพลิดเพลินไปกับโลกแห่งความบาป ในท้ายที่สุดคุณจะพบว่าตัวเองพ่ายแพ้เช่นเดียวกับนโปเลียนในสงครามวอเตอร์ลู คุณจะเป็นเหมือนคนจมน้ำปราศจากคนช่วยเหลือและจะต้องตาย นั่นเป็นชะตากรรมที่จะต้องอยู่ในนรกชั่วกัลป์! อย่ารอช้าเลย จงยึดฉวยองค์พระเยซูคริสต์ผู้ทรงดำรงอยู่ พระองค์จะทรงช่วยให้รอดถึงที่สุด (ฮีบรู 7:25) อยู่กับพระองค์ในสวรรค์นิรันดร์! ดังนั้น ในการสู้รบครั้งสุดท้าย คุณจะพูดเหมือนอย่างที่อัครสาวกเปาโลพูดว่า “ขอบพระคุณแด่​พระเจ้า ผู้​ทรงประทานชัยชนะแก่เราทั้งหลายโดยพระเยซู​คริสต์​องค์​พระผู้เป็นเจ้าของเรา” (1 โครินธ์ 15:57) ท่านที่รัก คุณมีทางเลือกว่าคุณต้องการชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ สวรรค์หรือนรก พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์หรือมาร ความชื่นชมยินดี ความรุ่งเรืองนิรันดร์ หรือความวิบัติและการทรมานที่ไม่รู้จบ “ข้าพเจ้าตั้งชีวิตและความตาย พระพรและคำสาปแช่งไว้ต่อหน้าท่าน เพราะฉะนั้นท่านจงเลือกเอาข้างชีวิต” (เฉลยธรรมบัญญัติ 30:19) วันนี้คุณควรเลือกเอาพระเยซูเข้าสู่ชีวิตของคุณ!